แล้วผลสอบ CFA Level 1 รอบ DEC 2010 ก็ออกจนได้ ซึ่ง… ผมก็ผ่านมาได้แล้วครับ หลังจากสอบตกไปหนึ่งรอบ ^^
ตอนได้รับเมลล์แจ้งผลสอบ ผมใจเต้นแรงเลยครับ รีบยกคอมฯไปให้พ่อกับแม่ลุ้นด้วย เอากระดาษปิดเหมือนตอนลุ้นเกรดเลยครับ แล้วประโยคที่ขึ้นมาก็คือ “Congratulations. We are very pleased to inform you that you passed the exam. You are one step closer to achieving your goal of earning the globally respected CFA charter” เฮ!! ลั่นบ้านกันเลย 555
ตอนนี้เพื่อนคงอยากรู้แล้วว่า ผลสอบของผมเป็นอย่างไรบ้าง
จะเห็นได้ว่า Part ที่ผมพลาดคือ Ethics และ Derivatives ที่ได้ต่ำกว่า 70% ซึ่งส่วนของ Ethics ไม่แปลกครับ เพราะช่วงที่อ่านและลองฝึกทำ แทบไม่เคยได้เกิน 70% เลย วนอยู่แถวๆ 60% ต้นๆเท่านั้น แต่… Derivatives ยังสงสัยว่าไปโดนหลอกตรงส่วนไหน อ่านไปเยอะมาก เพราะรอบ June ส่วนนี้ได้ต่ำกว่า 50% และตอนที่ลองฝึกทำคะแนนอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี พลาดอย่างมาก 2 – 3 ข้อเท่านั้นไม่เคยเกินกว่านี้
ที่โชคดีหน่อยก็ตรง Part บัญชี รอบนี้ออกไม่ยากมาก ต้องบอกว่าง่ายกว่ารอบ June แบบคนละเรื่องเลย ทำให้เอาตัวรอดมาได้ ทั้งที่อ่านไปไม่แม่นนัก
Part อื่นๆที่เหลือเตรียมตัวมาดีมากๆ ตอนลองทำข้อสอบ ผมทำได้เกิน 80% เป็นส่วนใหญ่ ส่วนที่เป็นคำนวณนี่แทบไม่พลาด โดนมาเยอะจนจำได้ว่า จุดไหนที่ทางคนออก หลอกเป็นประจำ แบบว่าพอเห็นโจทย์ เห็นตัวเลข ขั้นตอนวิธีกดเครื่องคิดเลขพรั่งพรูออกมาแบบไม่เสียเวลาคิดเลยครับ (เวอร์มั้ย… ถ้าเตรียมตัวมาดีๆ จะรู้สึกเหมือนผมครับ)
บอกเลยว่าผมไม่ได้เก่ง และหัวดี ต้องใช้เวลาอ่าน และฝึกทำโจทย์เยอะมากๆ ที่เขา Recommend มา 250 hrs. ผมใช้เกินกว่านั้นเยอะ ทั้งที่เป็นการอ่านรอบที่สองก็ตาม
มีหลายๆคนมาถามผมว่าผมเตรียมตัวยังไง มีอะไรจะแนะนำในการอ่านบ้าง ผมอยากให้ถามตัวเองก่อนเลยว่าทุ่มให้กับการอ่านมากแค่ไหน ถ้ามีมาก ผมก็อยากให้อ่าน Curriculum ที่ให้มาทั้งหมด เพราะได้ความรู้เยอะมากๆ แต่ถ้ามีเวลาไม่เยอะ ต้องทำงานไปด้วย กลับบ้านก็สลบแล้ว ผมก็แนะนำว่าอาจจะต้องหา Study Note มาอ่าน สามารถทุ่นเวลาอ่านไปได้เยอะ อาจจะจบภายในสองเดือนหรือน้อยกว่านั้น
ที่สำคัญจะต้องมาแผนการอ่านด้วยว่าแต่ละเล่มจะใช้เวลาในการอ่านมากน้อยแค่ไหน กำหนดวันที่จะต้องอ่านให้จบ เช่น เล่ม Econ ใช้เวลาอ่าน 3 สัปดาห์, Derivative 2 สัปดาห์ เป็นต้น ไม่เช่นนั้น เราก็จะหลงลืม เอาเวลาไปทำอย่างอื่น สุดท้ายก็ไม่ได้อ่าน แล้วก็จะปลงไปในที่สุด
ผมแนะนำว่าควรมี 1 เดือนสำหรับการฝึกทำโจทย์โดยเฉพาะ สำคัญมากๆ 1 เดือนเต็มๆ นะครับ เพราะเมื่อเราลองทำแล้วพลาดตรงไหนจะได้มีเวลาไปอ่านทวนเก็บจุด หรือ Concept ที่เราหลุดไป
ส่วนคนที่กำลังตัดสินใจว่าจะสอบดีหรือไม่ ให้ถามว่าเราอยากจะทำอะไรในอนาคต ถ้ากะจะมาสอบเล่นๆ เอาเป็น Credit เฉยๆ เตือนไว้เลยว่า หากไม่จริงจังผ่านยาก และกินเวลาชีวิตคุณสุดๆ แต่ถ้าคุณคิดว่าจะมาสายนี้จริงๆ ทุ่มให้เต็มที่เลยครับ ผมเชื่อว่าสุดท้ายอนาคตทุกคนในสายนี้ ต้องมี Cer. ใบนี้เป็นอย่างน้อย อย่างไรก็ตาม ผมเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังจะสอบ และคนที่ตัดสินใจจะสอบด้วยครับ
——————————-
ในปีนี้ผมคงไม่ได้สมัครสอบ Level 2 ต่อ ประเมินแล้วว่าอ่านไม่ทันแน่นอน มีงานที่ต้องทำเยอะมาก ทั้ง Independent Study(IS) และ Comprehensive Test แล้วยังมีงานอื่นๆด้วย เลยต้องเลื่อนไปสอบรอบของปีหน้าแทน
ปีนี้ผมเลยกะว่าจะสอบ CFP ให้ผ่านแทน จากการที่ถาม Module 5 และ 6 น่าจะเปิดให้อบรมได้ในเดือน มีนาคมนี้แล้ว แล้วเปิดให้สอบได้ในเดือนกันยายนเป็นรอบแรก เป็นอะไรที่ท้ายทายมากๆไม่แพ้ CFA เลย เพราะมันจำเป็นกับสิ่งที่ผมกำลังจะทำในอนาคตมากๆ
เส้นทางเดินสายนี้ยังอีกยาวไกล การสอบผ่านมาอีก 1 Level ไม่ได้การันตีว่าเราจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและชีวิต แต่ก็เป็นทางเดินที่ผ่านได้เลือก และวางแผนเอาไว้ ผมยังไม่คิดจะหยุด ณ ตอนนี้ ยังมีสิ่งที่ผมค้นหาอีกมากมาย แต่ผมมีปลายทางที่ผมจะไปแล้วแน่นอน (ถ้ายังไม่มีอะไรมาเปลี่ยนใจผมซะก่อนนะ ^^)
congratulations ka. อยากจะรบกวนถามสองเรื่องค่ะ
1. CFA ถ้าเราไม่มีbackground finance เลย (จบecon มาเหมือนกันค่ะ ภาคภาษาอังกฤษ) มันจะเป็นไปได้มั้ยที่จะเตรียมสอบหกเดือน ระหว่างที่ทำงานด้วย (เพิ่งจบและเริ่มทำงาน)
2. NIDA course เห็นคุณpich กำลังเรียนที่นิด้าด้วย ไม่ทราบว่าเป็นยังไงบ้างคะ ตอนนี้สนใจคอร์สของNIDA ที่เป็น Ms. FIRM และ คอร์สของ ABAC คือ investent analysis and management ไม่ทราบว่าคุณ pich รู้จักบ้างรึเปล่า มีความเห็นยังไงบ้างคะ
ขอบคุณมากค่า
LikeLike
ขอบคุณคับผม
ผมว่าพื้นฐานด้านเศรษฐศาสตร์น่าจะเพียงพอแล้วครับ ยิ่งเรียน Inter มาด้วยคิดว่าน่าจะสบายมาก เพราะน่าจะอ่านหนังสือได้คล่องอยู่แล้ว ส่วนเวลาหกเดือนผมคิดว่าพอครับ ต้องวางตารางอ่านหนังสือให้ดี อย่างเช่นอ่านวันละ 1-2 ชม. ผมเชื่อว่ามีอะไรที่ทำให้ต้องไปทำอย่างอื่นเยอะมาก ฮ่าๆ
ผมไม่แน่ใจหลักสูตรของ ABAC นะ แต่ FIRM นี่ผมว่าโอเคเลย เพื่อนผมหลายคนเรียนอยู่ เรียนเทอมแรกพร้อมกับสมัครสอบ Level 1 รอบ DEC แล้วตอนนี้เทอมสอง อ่านสอบ Level 2 อยู่ เขาวางหลักสูตรมาสำหรับสอบโดยเฉพาะ
แต่ถ้าเป็น MIF ของที่ มธ. กับ MSF ของจุฬา จะเป็น Finance ที่เน้น Science และค่อนข้างลึกไปทางเนื้อหา อาจจะไม่ใช่สำหรับสอบโดยตรงครับ
LikeLike